- 02 853 9288
- info@rmgclinic.com
- Tue - Sun : 11.00 - 20.00
• บัตรประชาชน/พาสปอร์ต
• ทะเบียนสมรส (กรณีชาวต่างชาติต้องไปขอใบรับรองทะเบียนสมรสที่สถานทูต)
• ประวัติการรักษาเดิมหรือผลเลือดเดิม ในกรณีเคยรักษามีบุตรยากหรือตรวจร่างกายมาจากที่อื่น
ฝ่ายหญิง
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อาหารแปรรูป อาหารที่มีน้ำตาลสูง
• รับประทานโปรตีนอย่างน้อยวันละประมาณ 60 มิลลิกรัม เพื่อให้ไข่มีคุณภาพดีและสมบูรณ์
• ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละไม่ต่ำกว่า 1.5 - 2 ลิตร
• ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ออกกำลังกายเบา ๆ อาทิ การเดิน และการทำโยคะ ซึ่งจะมีความปลอดภัยมากกว่าการออกกำลังกายหนัก
• หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ รวมทั้งการได้รับควันบุหรี่
• พักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน และไม่ควรเครียดจนเกินไป
• รับประทานโฟลิก (Folic) อย่างต่อเนื่อง
ฝ่ายชาย
• หลีกเลี่ยงการติดเชื้อ อาทิ การเป็นไข้ เพราะส่งผลต่อจำนวนและคุณภาพของเชื้ออสุจิอาจลดลงได้
• หลีกเลี่ยงการแช่น้ำอุ่นหรือการทำซาวน่า เพราะอุณหภูมิ มีผลต่อคุณภาพอสุจิ
• ไม่สวมใส่ กางเกงชั้นในที่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อให้อากาศถ่ายเทเเละระบบโลหิตไหลเวียนดี
• หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เเละแอลกอฮอล์
• งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 3 เดือนก่อนการเริ่มการรักษา และระหว่างการรักษา
• ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไป
1. การกระตุ้นรังไข่ โดยหลักการแล้ว คือ การกระตุ้นให้ไข่ที่ร่างกายคัดเลือกมาจำนวนหนึ่งในรอบนั้นไม่ฝ่อ มีการเจริญเติบโต และพร้อมตกไข่ครั้งละหลายใบ
ในช่วงการกระตุ้นไข่นี้จะมีการใช้ยาอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ ยากระตุ้นรังไข่ และยาป้องกันไข่ตกก่อนวันเก็บไข่ โดยปกติการกระตุ้นไข่ ทำโดยการฉีดยาทุกวัน ใช้เวลาประมาณ 10-12 วัน ระหว่างการกระตุ้นไข่ จะมีการตรวจติดตามการเจริญของไข่โดยตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด และตรวจเลือดวัดระดับฮอร์โมนเพื่อประเมินการตอบสนองของยาและปรับขนาดยา เมื่อไข่โตจนมีขนาดประมาณ 18-20 มิลลิเมตร แพทย์จะนัดเก็บไข่ โดยให้ยาฉีดเพื่อกระตุ้นให้ไข่ตก และนัดเก็บไข่หลังจากฉีดยาให้ตกไข่แล้ว 34-36 ชั่วโมง
2. การเก็บไข่ จะทำในห้องผ่าตัด โดยจะมีการให้ยาสลบอ่อน ๆ แพทย์จะเก็บไข่ทางช่องคลอด โดยใช้เข็มเก็บไข่แทงผ่านผนังช่องคลอดพร้อมกับการดูภาพอัลตร้าซาวด์ เพื่อเป็นตัวบอกแนวของเข็มที่จะเจาะดูดไข่ออกมา หลังจากเก็บไข่ ผู้ป่วยจะได้รับการเฝ้าสังเกตอาการต่อที่ห้องพักฟื้น 1-2 ชั่วโมง โดยหลังเก็บไข่อาจมีอาการปวดท้องน้อยได้ ซึ่งอาการจะหายไปเองประมาณ 1-2 วัน ทั้งนี้ผู้ป่วยควรนอนพักผ่อน ในวันเก็บไข่ และสามีต้องมาเก็บน้ำอสุจิโดยวิธีการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง จากนั้น นำน้ำอสุจิที่เก็บได้ ส่งห้องปฏิบัติการภายใน 1 ชั่วโมง นักวิทยาศาสตร์จะนำน้ำอสุจินี้ไปผ่านกระบวนการเตรียมน้ำอสุจิเพื่อเตรียมผสมกับไข่ในห้องปฏิบัติการ
3. การทำให้เกิดการปฏิสนธิ เเบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
3.1 - In Vitro Fertilization (ไอวีเอฟ) คือ การผสมไข่กับอสุจิที่ผ่านขั้นตอนการเตรียมน้ำอสุจิแล้ว
3.2 - Intra Cytoplasmic Sperm Injection (อิ๊กซี่) คือ การเลือกตัวอสุจิที่มีลักษณะปกติมาเพียง 1 ตัวฉีดเข้าเซลล์ไข่ วิธีนี้ใช้ในกรณีที่ฝ่ายชายมีปัญหาน้ำเชื้ออสุจิอ่อน โดยในปัจจุบันนิยมทำอิ๊กซี่กันมากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าเชื้ออสุจิผ่านเข้าไปในเซล์ไข่อย่างแน่นอนและหากต้องการตรวจวินิจฉัยหรือคัดกรองพันธุกรรมก่อนการฝังตัว (PGD, PGS) จำเป็นต้องทำอิ๊กซี่ เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนของอสุจิตัวอื่น ซึ่งจะมีผลต่อการแปลผลการตรวจ PGD หรือ PGS ได้ โดยที่หลังการปฏิสนธิ จะเลี้ยงตัวอ่อนไปจนถึงระยะที่เหมาะสมต่อการย้ายกลับเข้าโพรงมดลูก คือ ประมาณ 2-5 วันหลังเก็บไข่
4. การย้ายตัวอ่อน การย้ายตัวอ่อนโดยผ่านทางปากมดลูก เเบ่งเป็น 2 ไ้ด้แก่
4.1 - การย้ายตัวอ่อนรอบสด คือ ย้ายตัวอ่อนประมาณ 2-5 วัน หลังเก็บไข่ วิธีนั้นมักใช้กรณีที่มีตัวอ่อนจำนวนน้อย
4.2 - การย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง คือ ตัวอ่อนที่ได้จะทำการแช่แข็งไว้ก่อน วิธีการนี้ใช้กรณีได้ตัวอ่อนหลายตัว เป็นการเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ เเละหลีกเลี่ยงภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป เพื่อให้ตัวอ่อนได้รับการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อน ก่อนการย้ายตัวอ่อน (Pre-Implantation Genetic Diagnosis ; PGD)
หรือได้รับการตรวจคัดกรองพันธุกรรมตัวอ่อนก่อนการย้ายตัวอ่อน (Pre-implantation genetic screening ; PGS)
สำหรับการย้ายตัวอ่อน แพทย์จะให้ยาเตรียมโพรงมดลูกและนัดวันย้ายตัวอ่อน (ในกรณีตัวอ่อนที่แช่แข็งไว้ ก็จะเตรียมโพรงมดลูกให้ผู้ป่วยในรอบเดือนถัดไป) ขณะย้ายตัวอ่อน ผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตัวคล้ายกับการตรวจภายในตามปกติ ซึ่งตัวอ่อนที่เหลือจากการปฏิสนธินอกร่างกายจะแช่แข็งไว้ เพื่อใช้ในโอกาสต่อไป
5. การดูแลหลังการย้ายตัวอ่อน ผู้ป่วยต้องพักผ่อน และใช้ยาฮอร์โมนเพื่อช่วยการฝังตัวของตัวอ่อน โดยจะนัดมาตรวจวัดระดับฮอร์โมนการตั้งครรภ์ในเลือดประมาณ 12-14 วันหลังจากการใส่ตัวอ่อน ทั้งนี้หากตั้งครรภ์ แพทย์จะให้ยาเพื่อผยุงการตั้งครรภ์ต่อ และให้ดำเนินการฝากครรภ์ เเต่ในกรณีที่ไม่เกิดการตั้งครรภ์แพทย์จะตรวจหาสาเหตุและปรึกษาการรักษาร่วมกันเพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ในรอบถัดไป
ระยะเวลาการดำเนินการ เเละความถี่ของการเข้าพบเเพทย์
สามารถปรึกษาได้ในทุกช่วงของประจำเดือน
ใช้เวลาประมาณ 45 – 60 นาที
ใช้เวลาประมาณ : 10 – 12 วัน
ใช้เวลาประมาณ : 1-2 ชั่วโมง
ใช้เวลาประมาณ : 5-6 วัน
ใช้เวลาประมาณ : 7-10 วันในการออกผล
การย้ายตัวอ่อน : หลังกระบวนการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน
ใช้เวลาประมาณ : 2 ชั่วโมง
**กระตุ้นไข่ + ย้ายตัวอ่อนรอบสด ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
***กระตุ้นไข่ + ย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
มาพบแพทย์ติดตามผลหลังฉีดยากระตุ้น 2-3 ครั้ง วันที่เก็บไข่ 1 ครั้ง วันที่เตรียมโพรงมดลูกก่อนย้ายตัวอ่อน 1-2 ครั้ง วันที่ย้ายตัวอ่อน 1 ครั้ง